วันอังคารที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2552

วันอังคารที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2552


บังไฟ


เริ่มขบวนแห่ตอนไหนครับขอรายละเอียดด้วยครับผม( 1 ) : khuay M20 May 2009 13:04 #1229959 [ แจ้งลบ คห.นี้ ] <- ก่อน TOP ถัดไป ->
อบรมถ่ายภาพเบื้องต้นใครๆก็เก่งขึ้นได้ในวันเดียวรุ่น 89 : วันอาทิตย์ที่ 14 มิ.ย. 52เปิดให้ลงทะเบียนได้แล้ว วันนี้

วันที่ 7 ครับ ประมาณ 10:00 ครับผม( 2 ) : hacker101 M20 May 2009 13:18 #1229990 [ แจ้งลบ คห.นี้ ] <- ก่อน TOP ถัดไป ->
อบรมถ่ายภาพเบื้องต้นใครๆก็เก่งขึ้นได้ในวันเดียวรุ่น 90 : วันอาทิตย์ที่ 21 มิ.ย. 52เปิดให้ลงทะเบียนได้แล้ว วันนี้

ขอบคุณมากๆ ครับ ผมไปเที่ยวแน่เพราะเป็นวันหยุดบริษัทพอดีครับ ( 3 ) : คนพเนจร M20 May 2009 13:29 #1230045 [ แจ้งลบ คห.นี้ ] <- ก่อน TOP ถัดไป ->

รับทราบจ้า... ( 4 ) : aekbar M20 May 2009 19:00 #1230933 [ แจ้งลบ คห.นี้ ] <- ก่อน TOP ถัดไป ->

ขอบคุณมากค่ะ สำหรับข่าวดีๆ ( 5 ) : Aun M20 May 2009 21:33 #1231343 [ แจ้งลบ คห.นี้ ] <- ก่อน TOP ถัดไป ->

ช่วยอีกคนครับ..ผมเคยไปที่นี่จัดได้ยิ่งใหญ่ไม่แพ้ยโสธรเลยนะครับ ( 6 ) : บักหำซัน M22 May 2009 15:51 #1236348 [ แจ้งลบ คห.นี้ ] <- ก่อน TOP ถัดไป ->

ก็ช่างที่ทำบั้งไฟอยู่พนมไพรกันนี่ครับ...บางทีก็ทำไปแข่งที่ยโสธรก็มื...แต่ที่ยโสฯก็มีนะครับเดี๋ยวว่าไม่มี( 7 ) : noinasang M22 May 2009 21:00 #1237030 [ แจ้งลบ คห.นี้ ] <- ก่อน TOP ถัดไป ->

วันจุดวันไหนครับ จะแว๊ปไปซะหน่อยwww.shuttermost.multiply.com( 8 ) : yomost M23 May 2009 13:33 #1238577 [ แจ้งลบ คห.นี้ ] <- ก่อน TOP ถัดไป ->

ประเพณีบุญบั้งไฟเป็นประเพณีที่มีความสำคัญคู่บ้านคู่เมืองของชาวอำเภอพนมไพรวึ่งกระทำกันในหมู่บ้านระยะเวลาของงานบงุญประเพณีนี้จะอยู่ระหว่าง เดือน 6 - 7 บางหมู่บ้านการรวมบุญทอดผ้าป่า สรงกู่ บุญบั้งไฟกระทำในวันเดียวกัน ซึ่งวันเวลา และรูปแบบการจัดงานขึ้นอยู่กับความพร้อมของแต่ละหมู่บ้าน สำหรับบุญบั้งไฟประจำอำเภอพนมไพรนั้นกำหนดกระทำในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือนเจ็ด ของทุกปีมูลเหตุของประเพณีบุญบั้งไฟของชาวอำเภอพนมไพรนี้สืบเนื่องมาจากความเชื่อว่าองค์พระมหาธาตุ วัดกลางอุดมเวทย์ เป็นที่สถิตของดวงวิญญาณอันยิ่งใหญ่คือ เจ้าพ่อมหาธาตุ ผู้ทำหน้าที่คุ้มครองรักษาบ้านเมืองให้มีความสงบร่มเย็นเป็นสุข ดลบันดาลช่วยเหลือผู้เดือดร้อนที่บนบานร้องขอให้ประสพผลสำเร็จ และเพื่อตอบแทนบุญคุณอันยิ่งใหญ่ของเจ้าพ่อมหาธาตุชาวพนมไพรจึงได้จัดทำบุญบั้งไฟหรือประเพณีบุญบั้งไฟขึ้ยบูชาบวงสรวงประเพณีบุญบั้งไฟนอกจากจะมีวัตถุประสงค์คือ เพื่อบูชาบวงสรวงเจ้าพ่อพระมหาธาตุ ตลอดจนมเหศักดิ์ หลักเมือง องค์ต่าง ๆ แล้ว ยังถือเป็นเทศกาลสำคัญที่ลูกหลานชาวอำเภอพนมไพรผู้ที่ไปทำงานในท้องถิ่นอื่น ๆ ได้กลับมาเยี่ยมเยียนบ้านพบปะญาติมิตร ร่วมทำบุญและรื่นเริงสนุกสนานตามประเพณี ดังคำกล่าวคำขวัญของงานประเพณีที่กล่าวว่า “ จุดบั้งไฟไหว้พระมหาธาตุโฮมญาติพนมไพร”นายวิจักณ์ ชินโคจรพงศ์ นายอำเภอพนมไพร กล่าวว่า อำเภอพนมไพร ร่วมกับเทศบาลตำบลพนมไพร และชาวอำเภอพนมไพร กำหนดจัดงานประเพณีบุญบั้งไฟ ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประจำปี 2552 ในระหว่างวันที่ 7 – 8 มิถุนายน 2552 เพื่อสักการบูชาองค์พระมหาธาตุวัดกลางอุดมเวทย์ ส่งเสริมการท่องเที่ยว และอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีอันดีงามสืบไป วันที่ 7 มิถุนายน 2552 เป็นวันรวมและแห่บั้งไฟ วันที่ 8 มิถุนายน 2552 เป็นวันแข่งขันจุดบั้งไฟขึ้นสูงและนาน โดยจัดให้มีการประกวดขบวนแห่บั้งไฟสวยงามชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประกวดการประดับตกแต่งบั้งไฟสวยงาม(เอ้งาม) ประกวดบั้งไฟโบราณ ประกวดขบวนแห่บั้งไฟโบราณ ประกวดเทพีสาวงามผู้ถือป้ายขบวนแห่บั้งไฟ แข่งขันการจุดบั้งไฟแสนขึ้นนาน จำนวน 130 บั้ง แข่งขันการจุดบั้งไฟล้านขึ้นนาน จำนวน 30 บั้ง และแข่งขันการจุดบั้งไฟสิบล้านขึ้นนาน จำนวน 3 บั้ง ชิงเงินรางวัลมากมาย คณะบั้งไฟใดที่มีความประสงค์จะเข้าร่วมการประกวด สมัครด้วยตนเองที่ กองการศึกษา เทศบาลตำบลพนมไพร ตั้งแต่บัดนี้ ถึงวันที่ 5 มิถุนายน 2552 สำหรับบั้งไฟจุดแข่งขันขึ้นนาน สมัครได้ที่ฐานจุดบั้งไฟในวันที่ 8 มิถุนายน 2552 ตั้งแต่เวลา 06.00 – 16.00 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมทางโทรศัพท์ 0-4359-1221ต่อ 109ข้อมูลจาก :: นายประเสริฐ อินทา สวท. ร้อยเอ็ด

บังไฟ

ต้นมะพร้าว

ความรู้เรื่องมะพร้าว
มะพร้าว เป็นพืชในตระกูลปาล์ม (Pamily palmae) อยู่ใน tribe Cocoideae มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Cocos nucifera L. เป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยว มีโครโมโซม 16 คู่ ( 2 n = 32 )
ลักษณะและหน้าที่ของส่วนต่างๆในต้นมะพร้าว
ราก ต้นมะพร้าวเป็นเหมือนพืชใบเลี้ยงเดี่ยวทั่วๆไปคือไม่มีรากแก้วแต่มีรากเส้นใหญ่ๆเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ1 ซ.ม. ออกไปจากโคนต้นโดยตรงเรียกว่ารากใหญ่ (Main Root ) รากใหญ่มีความยาว 3– 20 เมตร เมื่อแรกงอกออกจากลำต้นจะมีสีเหลืองอ่อนต่อมาเปลี่ยนเป็นสีแดงและสีน้ำตาลแดงตามลำดับต้นมะพร้าวจะผลิตรากใหญ่ออกมาเรื่อยๆเพื่อทดแทนรากเดิมที่ตายไปต้นมะพร้าวแต่ละต้นจะมีรากใหญ่อยู่ถึง 2,500 ถึง 3,000 รากหน้าที่ของรากใหญ่นี้มีหน้าที่ลำเลียงอาหารเข้าสู่ลำต้นมากกว่าดูดอาหารโดยตรง เพราะรากใหญ่ห่อหุ้มด้วยเส้นใยซึ่งน้ำซึมผ่านเข้าไปภายในรากไม่ได้ มีเฉพาะส่วนซึ่งอยู่ติดกับปลอกรากตรงปลายสุดของรากที่เป็นส่วนที่บอบบาง น้ำและอาหารซึมผ่านเข้าไปได้ บนรากใหญ่จะมีรากที่ทำหน้าที่หายใจเรียกว่า Pneumatophores รากสาขา เป็นรากที่แตกแขนงออกไปจากเส้นรากใหญ่และแตกแขนงออกไปเรื่อยๆรากเหล่านี้แผ่กระจายออกไปตามดินชั้นต่างๆเพื่อดูดน้ำและแร่ธาตุมายังรากใหญ่และลำเลียงเข้าสู่ต้นรากมะพร้าวนอกจากมีหน้าที่ดูดน้ำและแร่ธาตุแล้วยังมีหน้าที่ยึดเหนี่ยวลำต้นมิให้โค่นล้มลำต้นมะพร้าว มีรูปร่างเป็นรูปทรงกระบอกแต่ตอนส่วนโคนซึ่งสูงพ้นจากดินประมาณ 1 เมตร จะใหญ่กว่าส่วนลำต้นซึ่งมองดูลักษณะเป็นรูปกรวยคว่ำ ภาษาไทยเรียกว่า สะโพก ภาษาอังกฤษเรียกว่า Bole เป็นที่ซึ่ง ต้นมะพร้าวผลิตรากออกไป ถ้าหากบริเวณนี้ผุโดยสิ่งแวดล้อมภายนอกหรือโดยที่ต้นมะพร้าวอายุแก่เกินไปต้นมะพร้าวก็สามารถผลิตรากออกจากลำต้นโดยตรงได้ ลำต้นมะพร้าวมะขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 25 ถึง 30 ซ.ม. มองดูเป็นปล้องๆ ซึ่งปล้องนี้เป็นที่เกิดจากโคนทางและจั่นที่เคยติดอยู่กับลำต้นแล้วเหี่ยวแห้งหลุดไป ลำต้นมะพร้าวไม่มีเยื่อรอยแผลเป็นเจริญเติบโต จึงไม่มีการขยายตัวทางด้านข้าง เมื่อกำเนิดมีลำต้นขนาดเท่าใดก็มีขนาดเดิมไปตลอดชีวิต และถ้าลำต้นเกิดมีรอยแผลเป็นขึ้น รอยแผลนั้นจะคงอยู่ตลอดไป ต้นมะพร้าวไม่สามารถสร้างเซลล์ออกมาทำให้รอยแผลนั้นหายไปได้ ลำต้นมะพร้าวเจริญเติบโตทางด้านความสูงทางเดียว เพราะที่ยอดมะพร้าวมีตาเจริญเติบโตอยู่ตาเดียว ถ้าตานี้ถูกทำลายมะพร้าวทั้งต้นก็ตายไปด้วย ในบางกรณีจะเห็นว่าลำต้นมะพร้าวมีขนาดลำต้นไม่สม่ำเสมอ บางส่วนขอดเล็ก ถัดขึ้นไปมีขนาดโตขึ้น ที่เป็นดังนี้เพราะว่าในขณะที่ลำต้นกำลังเจริญเติบโตถ้าฝนฟ้าอำนวยและดินอุดมสมบูรณ์ลำต้นก็ใหญ่ แต่ถ้าขาดความอุดมสมบูรณ์ลำต้นก็เล็ก

สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา

ทรงพระเยาว์
สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงเป็นพระธิดาพระองค์แรกใน สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก และ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ประสูติเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๖๖ ณ สถานพยาบาล กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ พระนามในพระสูติบัตรเมื่อแรกประสูติ คือ เมย์ ตามเดือนที่ประสูติ สมเด็จฯ เจ้าฟ้าฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ทรงมีพระอนุชา ๒ พระองค์ คือ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร์ และพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระภัทรมหาราช พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามว่า หม่อมเจ้ากัลยาณิวัฒนา ต่อมาเมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๐ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสถาปนาเป็นพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้ากัลยาณิวัฒนา และ ในพ.ศ. ๒๔๗๘ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ทรงเฉลิมพระเกียรติเป็น สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา ครั้นเมื่อทรงเจริญพระชนมายุครบ ๖ รอบ ใน พ.ศ. ๒๕๓๘ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯสถาปนาพระอิสริยศักดิ์ เป็นเจ้าฟ้าต่างกรมฝ่ายในตามธรรมเนียมราชประเพณีเป็นพระองค์แรกในรัชกาลทรงพระนามว่า สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ หลังจากที่ประสูติได้ไม่นานนัก สมเด็จพระบรมราชชนกได้ทรงย้ายจากกรุงลอนดอนไปประทับอยู่ที่เมืองเซาท์บอน ทางฝั่งตะวันออก และหลังจากนั้นไปประทับที่เมืองบอสคัม ทางชายฝั่งทะเลด้านใต้ของประเทศอังกฤษ สมเด็จฯ เจ้าฟ้าฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ได้ประทับ ณ ประเทศอังกฤษ จนถึงเดือน ต.ค. พ.ศ. ๒๔๖๖ ได้ตามเสด็จสมเด็จพระบรมราชชนก และสมเด็จพระบรมราชชนนี เสด็จกลับประเทศไทย เมื่อเสด็จถึงประเทศไทย สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ได้พระราชทานพระตำหนักใหญ่ของวังสระปทุมเป็นที่ประทับ พระพี่เลี้ยงเนื่อง จินตดุล ซึ่งเป็นพระสหายสนิทของสมเด็จพระบรมราชชนนี ระหว่างที่ทรงศึกษาวิชาพยาบาลที่โรงพยาบาลศิริราช เป็นผู้ถวายการอภิบาล ต่อมาพ.ศ. ๒๔๖๘ สมเด็จฯ เจ้าฟ้าฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ได้ตามเสด็จ สมเด็จพระบรมราชชนกและสมเด็จพระบรมราชชนนีไปประเทศเยอรมนีและประเทศฝรั่งเศส
การศึกษา
ใน พ.ศ. ๒๔๖๙ สมเด็จพระบรมราชชนก เสด็จกลับประเทศไทย เพื่อทรงร่วมในพระราชพิธีถวายพระเพลิง พระบรมศพพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ระหว่างนั้น สมเด็จพระบรมราชชนนี ได้ทรงนำพระธิดาและพระโอรสพระองค์ แรกไปประทับ ณ เมืองโลซานน์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และทรงฝากให้อยู่ในสถานรับเลี้ยงเด็กโซเลย์ (Champ Soleil) หลายเดือน สมเด็จฯ เจ้าฟ้าฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ จึงทรงเริ่มรับสั่งภาษาฝรั่งเศส ในปลาย พ.ศ. ๒๔๖๙ สมเด็จพระบรมราชชนกได้ทรงนำครอบครัวไปประทับที่เมืองบอสตัน (Boston) ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อทรงศึกษาวิชาแพทยศาสตร์ สมเด็จฯ เจ้าฟ้าฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงเริ่มศึกษาในระดับอนุบาลที่โรงเรียนพาร์ค (Park School) ใน พ.ศ. ๒๔๗๑ เมื่อสมเด็จพระบรมราชชนกทรงสำเร็จการศึกษาวิชาแพทยศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาด (Harvard) จึงได้ทรงนำครอบครัวเสด็จกลับประเทศไทย และประทับ ณ พระตำหนักใหญ่ วังสระปทุม สมเด็จฯ เจ้าฟ้าฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงเข้าศึกษาในระดับประถมศึกษาที่โรงเรียนราชินี และทรงศึกษาอยู่จนถึง พ.ศ. ๒๔๗๖ ภายหลังที่สมเด็จพระบรมราชชนกเสด็จทิวงคตใน พ.ศ. ๒๔๗๒ สมเด็จฯ เจ้าฟ้าฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ประทับอยู่ที่กรุงเทพฯ ต่อไปอีกระยะหนึ่ง จนถึง พ.ศ. ๒๔๗๖ สมเด็จพระบรมราชชนนีทรงได้รับพระบรมราชานุญาตให้นำพระโอรส-พระธิดาทั้ง ๓ พระองค์ไปประทับ ณ เมืองโลซานน์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ สมเด็จฯ เจ้าฟ้าฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ได้เข้าศึกษาในโซเลย์อีกครั้งหนึ่ง เป็นเวลา ๒ เดือน แล้วจึงเข้าศึกษาในโรงเรียนประถมศึกษาชื่อเมียร์มองต์ (Miremont) การศึกษาที่เมียร์มองต์นั้นครูมีการอ่านเรื่องสั้น ๆ ให้ฟัง นักเรียนจะต้องเขียนเรื่องที่ได้ฟังส่งให้ครูตรวจ ในระยะแรกทรงเขียนได้เพียง ๑ บรรทัด จากเรื่องยาวประมาณครึ่งหน้ากระดาษที่ครูอ่าน ครั้งหนึ่งครูให้เขียนประโยคเกี่ยวกับ TAON (ตัวเหลือบ) ทรงเข้าพระทัยคิดว่าเป็น PAON (นกยูง) เพราะเสียงคล้ายกัน จึงทรงเขียนว่า “TAON เป็นนกที่สวยงาม” แต่อีกต่อมาประมาณ ๒ ปี ก็ทรงเขียนร่วมกับนักเรียนชาวสวิตได้อย่างดี จนจบชั้นประถมศึกษา พ.ศ. ๒๔๗๗ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงประกาศสละราชสมบัติ และรัฐบาลได้กราบบังคมทูลเชิญ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอานันทมหิดลขึ้นครองราชย์สมบัติ หลังจากนั้นสมเด็จพระบรมราชชนนีทรงนำพระโอรส-พระธิดา ไปประทับที่บ้านซึ่งพระราชทานนามว่า วิลล่าวัฒนา (Villa Vadhana) เมืองปุยยี ใกล้กับโลซาน พ.ศ. ๒๔๗๘ สมเด็จฯ เจ้าฟ้าฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงเข้าศึกษาระดับมัธยมศึกษาที่โรงเรียนสตรี ชื่อ École Supérieure de Jeunes Filles de la Ville de Lausanne ชั้นมัธยมศึกษาในประเทศสวิตเซอร์แลนด์นับจาก ชั้น ๖ ๕ ๔ ๓ ๒ ๑ ทรงสามารถสอบเข้าชั้น ๕ ในระดับมัธยมศึกษาได้ ทรงเรียนภาษาเยอรมันและภาษาละตินด้วย พ.ศ. ๒๔๘๑ ทรงย้ายไปศึกษาต่อที่เจนีวา ในลักษณะของนักเรียนประจำที่ International School of Geneva ทรงสอบผ่านชั้นสูงสุดของระดับมัธยมศึกษาได้เยี่ยมเป็นที่ ๑ ของโรงเรียน และที่ ๓ ของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ พ.ศ. ๒๔๘๕ ได้เสด็จเข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยโลซานน์ในคณะวิทยาศาสตร์ สาขาวิชาเคมี ทรงสำเร็จการศึกษาปริญญาตรี และได้รับ Diplôme de Chimiste A เมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๑ ในระหว่างที่ทรงศึกษาหลักสูตรวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยโลซานน์ ได้ทรงเข้าศึกษาหลักสูตรของสังคมศาสตร์ - ครุศาสตร์ Diplime de Sciences Sociales Podagogiques อันประกอบด้วยวิชาต่าง ๆ ในสาขาวิชาการศึกษา วรรณคดี ปรัชญา และจิตวิทยา แม้เมื่อทรงสำเร็จการศึกษาปริญญาตรีสาขาวิชาเคมีแล้ว ก็ยังทรงศึกษาวิชาวรรณคดีและปรัชญาต่อไปอีกด้วยความสนพระหฤทัย
การทรงงาน
เมื่อสมเด็จฯ เจ้าฟ้าฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เสด็จนิวัติประเทศไทยใน พ.ศ. ๒๔๙๓ สมเด็จพระบรมราชชนนี ทรงทราบดีว่าพระธิดาโปรดการเป็นครูมาแต่ทรงพระเยาว์ ได้รับสั่งแนะนำให้ทรงงานเป็นอาจารย์ จึงทรงรับงานเป็นอาจารย์พิเศษสอนภาษาฝรั่งเศสที่คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทรงสอนวิชาสนทนาภาษาฝรั่งเศส วิชาอารยธรรมฝรั่งเศส และวิชาวรรณคดีฝรั่งเศส นิสิตที่ได้มีโอกาสเป็นศิษย์ด้วยล้วนปีติยินดีในพระกรุณาธิคุณยิ่งนัก หลายคนรำลึกได้ว่าในวิชาวรรณคดีฝรั่งเศสทรงสอนผลงานของ Victor Hugo นักประพันธ์เอกของโลก สมเด็จฯ เจ้าฟ้าฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงสอนที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จนถึง พ.ศ. ๒๕๐๑ ใน พ.ศ.๒๕๑๒ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้ขอรับพระราชทานพระกรุณาให้ทรงเป็นอาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ทรงรับงานสอนและงานบริหารโดยทรงเป็นหัวหน้าสาขาสอนวิชาภาษาและวรรณคดีฝรั่งเศส และผู้อำนวยการภาษาต่างประเทศ อันประกอบด้วยภาษาฝรั่งเศส เยอรมัน ญี่ปุ่น และรัสเซีย สมเด็จฯ เจ้าฟ้าฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ทรงสอนวิชาภาษาและวรรณคดีฝรั่งเศสแก่นักศึกษาชั้นปีต่าง ๆ และทรงดูแลการสอนของอาจารย์ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ นอกจากนี้ได้ทรงจัดทำหลักสูตรระดับปริญญาตรีภาษาและวรรณคดีฝรั่งเศสจนสำเร็จในปี พ.ศ. ๒๕๑๖ เป็นหลักสูตรที่ผสมผสานความรู้ด้านภาษาและวรรณคดีฝรั่งเศสเข้าด้วยกันอย่างเหมาะสม ในระหว่างที่ทรงปฏิบัติงานสอนที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์นั้น คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้กราบทูลเชิญเป็นองค์บรรยายพิเศษตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๑๕ ในปี พ.ศ. ๒๕๑๙ เมื่อพระราชกิจด้านอื่น ๆ เพิ่มมากขึ้นตามลำดับ จึงทรงลาออกจากตำแหน่งอาจารย์ประจำของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แต่ก็ยังเสด็จเป็นองค์บรรยายพิเศษต่อไปอีก นอกจากนั้น ยังทรงรับเป็นองค์บรรยายพิเศษวิชาภาษาฝรั่งเศสในคณะวิทยาศาสตร์และอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์อีกด้วย ต่อมาเมื่อทรงทราบปัญหาการขาดแคลนอาจารย์ของคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี เพราะเป็นมหาวิทยาลัยที่ตั้งอยู่ในจังหวัดห่างไกลและมีปัญหาเรื่องความปลอดภัย ก็ได้พระราชทานพระเมตตา เสด็จไปทรงสอนวิชาภาษาฝรั่งเศสโดยประทับอยู่ในวิทยาเขตปัตตานี ดังเช่นอาจารย์อื่น ๆ ระหว่างที่ทรงงานสอน ได้ทรงร่วมกิจกรรมทางวิชาการหลายด้าน เช่น ทรงเป็นกรรมการสอบชิงทุน ก.พ. ไปศึกษาต่อต่างประเทศ ทรงเป็นประธานออกข้อสอบภาษาฝรั่งเศสในการสอบคัดเลือกเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยของรัฐ หลังจากที่ปฏิบัติงานด้านการสอนมาจนถึงเดือนมกราคม พ.ศ. ๒๕๒๑ ทรงได้รับการโปรดเกล้าฯ พระราชทานตำแหน่ง ศาสตราจารย์พิเศษของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ด้วยพระปรีชาญาณจากประสบการณ์ที่ทรงงานสอนภาษาฝรั่งเศสมาเป็นระยะเวลานาน จึงทรงตระหนักถึงปัญหาความต่อเนื่องในการเรียนภาษาฝรั่งเศสระดับมัธยมศึกษาและอุดมศึกษา ทรงริเริ่มก่อตั้งสมาคมครูภาษาฝรั่งเศสแห่งประเทศไทยขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๐ เพื่อให้เป็นศูนย์กลางการพบปะแลกเปลี่ยนประสบการณ์ การปรับปรุงวิธีการสอนทั้งระดับมัธยมศึกษาและอุดมศึกษา ทรงดำรงตำแหน่งนายกสมาคมฯ ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๒๐ จนถึง พ.ศ. ๒๕๒๔ จากนั้นก็ทรงดำรงตำแหน่งนายกกิตติมศักดิ์สมาคมฯ มาจนถึงปัจจุบัน สมเด็จฯ เจ้าฟ้าฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ได้พระราชทานพระอนุเคราะห์แก่สมาคมฯ ในทุกทาง อาทิ ทรงสนับสนุนการพิมพ์วารสารของสมาคม เพื่อเผยแพร่ความรู้ใหม่ ๆ พระราชทานพระนิพนธ์บทความลงวารสาร ทรงส่งเสริมให้สมาชิกครูได้เข้ารับการสัมมนา ดูงานและศึกษาต่อ เป็นต้น การเรียนการสอนวิชาภาษาฝรั่งเศสและการวิจัยด้านภาษาฝรั่งเศสในประเทศไทยทั้งระดับมัธยมศึกษา และระดับอุดมศึกษาจึงเจริญรุดหน้าเป็นลำดับ
เจ้าฟ้าดวงใจไทย พระเกียรติคุณเลิศล้ำ..อเนกอนันต์
สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงงานหนักเพื่อปวงชนชาวไทยมาโดยตลอด 84 ปีที่ผ่านมา ในฐานะผู้ทรงทำคุณประโยชน์ให้แผ่นดิน พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฏฐมรามาธิบดินทร และ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ แก่ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ เรียงตามลำดับศักดิ์เครื่องราชอิสริยาภรณ์ดังต่อไปนี้ เครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์ (ม.จ.ก), เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นปฐมจุลจอมเกล้า (ป.จ.), เครื่องราชอิสริยา ภรณ์อันเป็นโบราณมงคลนพรัตนราชวราภรณ์ (น.ร.), เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกชั้นมหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช), เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยิ่งมงกุฎไทย ชั้นมหาวชิรมงกุฎ (ม.ว.ม.), เครื่องราชอิสริยาภรณ์ อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ ชั้นปฐมดิเรก คุณาภรณ์ (ป.ภ.), เหรียญพิทักษ์เสรีชนชั้นที่ 1 (ส.ช. 1), เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นสิริยิ่งรามกีรติลูกเสือสดุดีพิเศษ, เหรียญกาชาดสรรเสริญ เหรียญรัตนาภรณ์รัชกาลที่ 8 ชั้น ที่ 1 (อ.ป.ร.1) และเหรียญรัตนาภรณ์รัชกาลที่ 9 ชั้นที่ 1 (ภ.ป.ร. 1) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ยังทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระยศทหารและแต่งตั้งนายทหารชั้นพิเศษ เป็นกรณีพิเศษ แก่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เป็นลำดับดังนี้ พระราชทานพระยศทหารให้สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา เป็น พันโท และเป็นนายทหารพิเศษประจำกรมทหารม้าที่ 1 รักษาพระองค์ เมื่อวันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2527 มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ พันโทหญิง สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา เป็นราชองครักษ์พิเศษ รับราชการสนองพระเดชพระคุณ เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2527 มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ พระราชทาน พระยศทหารให้พันโทหญิง สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา เป็น นาวาโทหญิง นาวาอากาศโทหญิง และเป็นนายทหารพิเศษ ประจำกองนักเรียนนายเรือรักษาพระองค์ โรงเรียนนายเรือ กรมยุทธศึกษาทหารเรือประจำกองบังคับการ กรมทหารราบที่ 3 รักษาพระองค์ กรมนาวิกโยธินและประจำกองนักเรียนนายเรืออากาศรักษาพระองค์ โรงเรียนนายเรืออากาศกรมยุทธศึกษาทหารอากาศ เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2527 พระราชทานพระยศทหารให้ พันโทหญิง นาวาโทหญิง นาวาอากาศโทหญิง สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา เป็น พลตรีหญิง พลเรือตรีหญิง พลอากาศตรีหญิง เมื่อวันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2532 มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ พระราชทาน พระยศให้พลตรีหญิง พลเรือตรีหญิงและพลอากาศตรีหญิง สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา เป็น พลโทหญิง พลเรือโทหญิง และพลอากาศโทหญิง เมื่อวันที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2538 มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้พลโทหญิง สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เป็นนายทหารพิเศษประจำกรมทหารราบ ที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2538 และมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ถวายฯ พระราชทานพระยศทหารให้พลโทหญิง พลเรือโทหญิง พลอากาศโทหญิง สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์เป็น พลเอกหญิง พลเรือเอกหญิง พลอากาศเอกหญิง กับแต่งตั้งเป็นนายทหารพิเศษ ประจำกรมนักเรียนนายร้อยรักษาพระองค์โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า และประจำกองพันทหารอากาศโยธินรักษาพระองค์ เป็นกรณีพิเศษ เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2540 เป็นที่ทราบกันดีว่า สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจอันเป็นประโยชน์แก่วงการแพทย์ สาธารณสุข โดยเป็นองค์ประธานและองค์อุปถัมภ์ของมูลนิธิต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุขและมูลนิธิโรคไตแห่งประเทศไทยจึงได้จัดสร้างอาคารเฉลิมพระเกียรติ “ตึกกัลยาณิวัฒนา” ในโอกาสทรงเจริญพระชนมายุครบ 6 รอบ เมื่อปี พ.ศ. 2538 กองทัพบกได้จัดตั้ง กองพันพัฒนาที่ 4 กรมพัฒนาที่ 4 ขึ้นมาใหม่และมีที่ตั้งอยู่ในจังหวัดนราธิวาส กองทัพบกจึงขอพระราชทานนามหน่วยงานที่ตั้งขึ้นใหม่นี้ว่า “ค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์” ซึ่งมีคำขึ้นต้นเหมือนนามจังหวัดตามธรรมเนียมแบบโบราณ ทั้งนี้เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ประชาชนและทหารในจังหวัดนราธิวาส ในโอกาสที่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ มีพระชนมายุครบ 6 รอบ และทรงได้รับพระราชทานพระอิสริยศักดิ์เป็นเจ้าฟ้าต่างกรมฝ่ายใน มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ได้ จัดตั้ง “สถาบันกัลยาณิวัฒนาเพื่อการศึกษาและวัฒนธรรมสัมพันธ์” ณ วิทยาเขตปัตตานี โดยมีเป้าหมายเพื่อให้การศึกษาภาษา วัฒนธรรมและความสัมพันธ์ระหว่างวัฒนธรรม จะเป็นประโยชน์ในทางวิชาการและนำมาซึ่งความสมานฉันท์ ความเข้าใจอันดีของกลุ่มชน และความเจริญของประเทศ นอกจากนี้ประชาชน 14 จังหวัดภาคใต้ยังเห็นพ้องต้องกันว่าสมควรที่จะรวมตัวกันจัดตั้งมูลนิธิเกี่ยวกับการศึกษาเพื่อเฉลิมพระเกียรติและเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม โดยได้รับพระราชทานชื่อว่า “มูลนิธิกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์” และทรงรับเป็นองค์อุปถัมภ์มูลนิธิอีกด้วย โรงพยาบาลนราธิวาสยังได้ใช้โอกาสสำคัญนี้ขอพระราชทานชื่อโรงพยาบาลใหม่ โดยพระราชทานชื่อ “โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์” เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2540 สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ พระราชทานชื่อ “อาคารกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์” เป็นชื่ออาคารเรียนหลังแรกให้แก่วิทยาลัยลุ่มแม่น้ำปิง จังหวัดตาก เมื่อครั้งที่กรุงเทพมหานครได้พิจารณาแยกเขตคลองเตยออกเป็นสำนักงานเขตย่อย เพื่อสะดวกต่อการบริหารและให้บริการประชาชน เนื่องจากเขตคลองเตยมีพื้นที่กว้างขวางและมีพลเมืองเพิ่มจำนวนมากขึ้น สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าพระราชทานชื่อ “สำนักงานเขตวัฒนา” เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2540 รวมไปถึงพระราชทานชื่อ “ถนนนราธิวาสราชนครินทร์” ซึ่งเป็นถนนตัดใหม่บริเวณเลียบคลองช่องนนทรีเพื่อแก้ปัญหาการจราจรด้วย และด้วยพระปรีชาหลากหลายโดยเฉพาะด้านการศึกษา สถาบันการศึกษาต่าง ๆ จึงถวายปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ในหลากหลายด้าน การสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์จึงนับเป็นการสูญเสียครั้งสำคัญของปวงชนชาวไทย.